เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16

เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16

เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16 ที่ช่วยให้การออมเงินเป็นเรื่องง่ายๆ ให้คุณได้รับผลประโยชน์สูงสุดถึง 183% พร้อมรับเงินจ่ายคืนทุกปี ค่าเบี้ยไม่แพง แต่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งเหมาะกับ ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองชีวิต และเป็นการสร้างวินัยการออมด้วยเบี้ยเริ่มต้นที่ไม่แพง

เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16

ช่วงอายุผู้ขอเอาประกันภัย
– อายุ 30 วัน – 65 ปี

ระยะเวลาคุ้มครอง
– เวลาเอาประกันภัย 25 ปี

ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย
– ชำระเบี้ย 16 ปี

การซื้อสัญญาเพิ่มเติม
– สามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมแนบท้ายได้

การตรวจสุขภาพ
– ตรวจสุขภาพ

สิทธิลดหย่อนภาษี
– ลดหย่อนภาษีได้ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

จุดเด่น เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16
– ผลประโยชน์สูงสุด183%
– ความคุ้มครองชีวิตสูงสุด150%

เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16

หมายเหตุ

  • เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
  • โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
คำถามที่พบบ่อย

Q: ใครที่สามารถทำประกันกับแบบประกันภัย เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16 ได้บ้าง
A: ทำได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน – 65 ปี

 

Q: ความคุ้มครองขั้นต่ำที่สามารถซื้อได้ของแบบประกันภัย เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16 คือเท่าไร
A: 150,000 บาท

 

Q: ต้องตรวจสุขภาพมั้ย
A: ผู้ทำประกันต้องแจ้งข้อมูลสุขภาพตามจริงให้บริษัททราบ โดยการขอตรวจสุขภาพจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัท

 

Q: ถ้าทำประกันนี้แล้วจะยังสามารถซื้อสัญญาอื่นเพิ่มเติมได้มั้ย
A: สามารถซื้อสัญญาเพิ่มเติมต่างๆ แนบท้ายกรมธรรม์ได้ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขการพิจารณารับประกันภัยของสัญญาเพิ่มเติมนั้น

 

Q: ถ้าหากสมัครทำประกันกับแบบประกันนี้และผ่านการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว เบี้ยประกันจะถูกปรับเพิ่มขึ้นตามอายุของผู้ทำประกันหรือไม่
A: เบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายสำหรับปีกรมธรรม์ถัดไปจะเท่าเดิม (เบี้ยประกันภัยไม่ปรับเพิ่มขึ้นตามอายุ) โดยลูกค้าจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุก่อนหรือภายใน 31 วัน นับตั้งแต่วันที่ถึงกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย

 

Q: ประกันนี้สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้มั้ย
A: สามารถนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ ฉบับที่ 172

 

Q: แบบประกันนี้ให้ผลประโยชน์สูงสุดเท่าไหร่
A: ถ้าผู้ที่ทำประกันมีชีวิตอยู่จนถึงวันครบกำหนดสัญญา ผลประโยชน์รวมสูงสุดที่ผู้ทำประกันจะได้รับจาก เมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16 เท่ากับ 183% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา

 

Q: หากผู้ที่ทำประกันเสียชีวิตในระหว่างที่ยังอยู่ในระยะเวลาที่เอาประกันภัย ผู้รับผลประโยชน์จะยังคงได้รับรับเงินจ่ายคืนระหว่างสัญญา ณ สิ้นปีกรมธรรม์ ที่ยังคงเหลืออยู่หรือไม่
A: หากผู้ที่ทำประกันภัยเสียชีวิตในระหว่างที่ยังอยู่ในระยะเวลาที่เอาประกันภัย การรับเงินจ่ายคืนระหว่างสัญญา ณ สิ้นปีกรมธรรม์ต่างๆ จะสิ้นสุดลง และไม่มีการจ่ายเงินจ่ายคืนระหว่างสัญญา ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ยังคงเหลืออยู่ให้แก่ผู้รับประโยชน์ แต่ผู้รับประโยชน์จะได้รับผลประโยชน์ ดังนี้
– หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในปีกรมธรรม์ที่ 1 – 10 บริษัทฯ จะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์เท่ากับ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา หรือมูลค่าเวนคืนในขณะนั้น (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)


– หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในปีกรมธรรม์ที่ 11 – 25 บริษัทฯ จะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์เท่ากับ 150% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา หรือมูลค่าเวนคืนในขณะนั้น (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)

Q: บริษัทฯ จะไม่คุ้มครองในกรณีใดบ้าง
A: 1. กรณีผู้ที่ทำประกันภัยฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์ หรือตามการต่ออายุ หรือตามการกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ครั้งสุดท้าย หรือวันที่บริษัทฯ อนุมัติให้เพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัย ทั้งนี้เฉพาะในส่วนของจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น
2. กรณีผู้ทำประกันถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
3. กรณีผู้ทำประกันแจ้งอายุไม่ถูกต้อง และบริษัทฯ พิสูจน์ได้ว่าในขณะทำสัญญาประกันภัยอายุที่ถูกต้องอยู่นอกจำกัดอัตราเบี้ยประกันภัยตามทางค้าปกติของบริษัทฯ

ความสมบูรณ์ของสัญญาประกันภัย

ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้ว และแถลงข้อความอันเป็นเท็จ หรือรู้อยู่แล้วในข้อความจริงใด แต่ไม่เปิดเผยข้อความจริงนั้น ให้บริษัทฯ ทราบในขณะที่ขอเอาประกันภัย ซึ่งถ้าบริษัทฯ ทราบข้อความจริงนั้นๆ แล้ว อาจจูงใจบริษัทฯ ให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญา สัญญาประกันภัยจะตกเป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 ซึ่งบริษัทฯ อาจบอกล้างสัญญา และไม่จ่ายเงินตามกรมธรรม์

กรณีที่บริษัทฯ จะไม่คุ้มครอง

1. กรณีผู้เอาประกันภัยฆ่าตัวตายด้วยใจสมัครภายใน 1 ปี นับแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์ หรือตามการต่ออายุ หรือตามการกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ครั้งสุดท้าย หรือวันที่บริษัทฯ อนุมัติให้เพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัย ทั้งนี้เฉพาะในส่วนของจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น
2. กรณีผู้เอาประกันภัยถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
3. กรณีผู้เอาประกันภัยแถลงอายุคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้องแท้จริง และบริษัทฯ พิสูจน์ได้ว่าในขณะทำสัญญาประกันภัยอายุที่ถูกต้องแท้จริงอยู่นอกจำกัดอัตราเบี้ยประกันภัยตามทางค้าปกติของบริษัทฯ

Scroll to Top