ประกันสุขภาพที่ไหนดี? เลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์

ประกันสุขภาพมีแบบไหนบ้าง?

ซื้อประกันสุขภาพที่ไหนดี เพราะในยุคนี้สุขภาพของเรามีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นควันรถ ฝุ่น pm 2.5 การแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ รวมทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตเช่น การกิน โหมงานหนัก ไม่มีเวลาพัก นอนไม่พอ ทำให้เรามีโอกาสเจ็บป่วยได้ตลอดเวลา ทำให้หลายคนเริ่มคิดว่า จะซื้อประกันสุขภาพที่ไหนดี เพราะซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือ ความเจ็บป่วยและโรคที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งโรคทั่วไปและโรคร้าย ซึ่งเราไม่สามารถเลี่ยงได้เลยกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งปัจจุบันทั้งค่ายา ค่าหมอ ค่าห้อง จ่ายแต่ละครั้งก็แทบจะขาดใจ การมีประกันสุขภาพจึงเป็นทางเลือกที่สำคัญและจำเป็นมากที่อยากให้ทุกคนมี เพราะจะช่วยดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะโรคทั่วไปโรคร้าย ก็สบายกระเป๋า วันนี้ลองมาเริ่มดูกันเลยว่า ถ้าอยากเริ่มต้นมีประกันสุขภาพจะต้องรู้อะไรบ้างและเลือกแบบไหนให้เหมาะกับตัวเองที่สุด

ประกันสุขภาพ คือ เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นให้แก่คนที่ซื้อประกันสุขภาพไป ไม่ว่าค่ารักษาพยาบาลนั้นจะเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยเล็กน้อยหือเกิดจากการเจ็บป่วยหนักจนต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล รวมถึงการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุด้วย ซึ่งหากเรามีประกันสุขภาพ วันนึงที่เจ็บป่วยกระทันกัน การมีประกันสุขภาพนี้จะช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นให้

ประกันสุขภาพแบ่งออกเป็นหลัก ๆ 2 แบบคือ

ประกันสุขภาพกลุ่ม (Group Health Insurance)
ประกันสุขภาพกลุ่ม คือ ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองบุคคลจำนวนมากภายใต้กรมธรรม์ฉบับเดียวกัน เป็นประกันสุขภาพที่บริษัทหรือองค์กรนิยมทำให้พนักงานเพื่อเป็นสวัสดิการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล จุดเด่นของประกันสุขภาพกลุ่ม คือ ค่าเบี้ยประกันต่อคนต่ำกว่าประกันสุขภาพส่วนบุคคล

ประกันสุขภาพส่วนบุคคล (Individual Health Insurance)
ประกันสุขภาพส่วนบุคคล คือ ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันรายบุคคล จุดเด่นคือผู้เอาประกันสามารถเลือกแผนความคุ้มครองให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง โดยค่าเบี้ยประกันจะคำนวณตามเพศและอายุของผู้เอาประกัน ซึ่งประกันสุขภาพยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่ซื้อกรมธรรม์ไว้ก็คือประกันสุขภาพเหมาจ่าย
ซึ่งประกันสุขภาพประกันสุขภาพจะคุ้มครองทั้งผู้ป่วยใน IPD ผู้ป่วยนอก OPD แต่ก็จะขึ้นอยู่แต่ละแบบประกันที่เราเลือกด้วยนะ ว่ามีข้อแตกต่างกันยังไงบ้าง ขึ้นอยู่กับตัวกรมธรรม์ที่เราเลือก ซึ่งนอกจากนี้บางแบบประกันยังได้ผลประโยชน์สัญญาเพิ่มเติม เช่น การคลอดบุตร ทันตกรรม รวมทั้งสัญญาประกันเพิ่มเติ ที่ผู้เอาประกันสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมนอกเหนือจากกรมธรรม์หลักได้ เช่น ประกันชดเชยรายได้ ประกันโรคร้ายแรง เป็นต้น

ประกันสุขภาพคุ้มครองอะไรบ้าง

คุ้มครองผู้ป่วยใน หรือ In-Patient Department (IPD)
โดยส่วนใหญ่ประกันประเภทนี้ จะเป็นแบบเหมาจ่าย ซึ่งจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ตามจริงโดยมีวงเงินคุ้มครองค่อนข้างสูงตั้งแต่ 1 ล้านบาท 2 แสน– 100 ล้านบาท ทำให้ค่าเบี้ยแพง เหมาะกับคนที่มีโอกาสป่วยหรือเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ เช่น เด็กเล็ก คนสูงวัย หรือผู้ที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ

ซึ่งผู้เอาประกันสามารถเบิกเงินประกันสุขภาพได้ต่อเมื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล มากกว่า 6 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาแพทย์ ค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่ารถพยาบาล ค่าบริการ หรือค่าผ่าตัดฉุกเฉิน (กรณีที่มีค่าผ่าตัดจากการเกิดอุบัติเหตุ จำเป็นต้องทำเรื่องภายใน 24 ชั่วโมง)

ผลประโยชน์คุ้มครองสุขภาพผู้ป่วยนอก หรือ Out-Patient Department (OPD)
เป็นประกันสุขภาพที่คุ้มครองการรักษาอาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ไข้หวัด แผลที่ไม่ต้องเข้าพักที่โรงพยาบาล ตอบโจทย์ทุกคน เพราะสามรถใช้เบิกค่ารักษาพยาบาลได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าปรึกษาแพทย์ ค่ายา หรือค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ

ประกันโรคร้ายแรง หรือ Critical illness (CI)
เป็นประกันสุขภาพที่จะคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันสุขภาพแบบทั่วไป โดยจะดูแลเกี่ยวกับโรคร้ายแรงโดยเฉพาะ เช่น โรคมะเร็ง โรคไต โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับสมอง ซึ่งเป็นโรคที่มีค่ารักษาราคาสูง ใช้เวลาในการรักษายาวนานและต่อเนื่องทำให้มีค่ารักษาที่มากกว่าปกติที่ประกันสุขภาพทั่ว ๆ ไปจะสามารถคุ้มครองได้ครอบคลุม รวมถึงโรคร้ายแรงที่เกิดจากพันธุกรรมประกันสุขภาพโรคร้ายแรงก็คุ้มครองด้วย แต่ผู้เอาประกันควรศึกษาเงื่อนไขรายละเอียดในการคุ้มครองให้ดีก่อนทำประกันสุขภาพนี้

ประกันสุขภาพชดเชยรายได้ หรือ Hospital Income Protection (HIP)
เป็นอีกหนึ่งประกันสุขภาพ ที่จะดูแลเพิ่มเติมจากประกันสุขภาพทั่วไป โดยจะคุ้มครองเรื่องของรายได้ หากคุณต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน ไม่สามารถไปทำงานหรือออกไปค้าขายได้ ซึ่งจะได้รับเงินชดเชยเป็นรายวัน ตามเงื่อนไขของประกันที่ระบุไว้

ดังนั้นการทำประกันสุขภาพประเภทนี้ เหมาะสำหรับบุคคลที่ต้องมีรายได้ประจำ คนวัยทำงานควรมีประกันสุขภาพทั่วไปควบคู่ไปด้วย เพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลได้ครบ